สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปี 2568 เปิดสอบตำแหน่งที่ปรึกษาด้านวิจัยและพัฒนาวิชาการพระพุทธศาสนา (นักวิชาการศาสนา ระดับทรงคุณวุฒิ) 1 อัตรา

ได้รับคุณวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอก หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน ในทุกสาขาวิชา

ปฏิบัติงานในฐานะที่ปรึกษาด้านวิจัยและพัฒนาวิชาการพระพุทธศาสนา (นักวิชาการศาสนา ระดับทรงคุณวุฒิ) ในส่วนกลาง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือตำแหน่งอื่นที่ ก.พ. กำหนด เป็นตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ งานในหน้าที่ของตำแหน่ง ๑) ด้านปฏิบัติการ ๑.๑) ให้คำปรึกษาแนะนำทางวิชาการเกี่ยวกับการกำหนดทิศทางนโยบายและวางมาตรการด้านการวิจัยและพัฒนาวิชาการพระพุทธศาสนาของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทั้งระบบ โดยบูรณาการองค์ความรู้ ทางพระพุทธศาสนาเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลและวิทยาการข้อมูล เพื่อวางแผนกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนงาน โครงการ หรือการดำเนินงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดและบรรลุภารกิจที่กำหนดไว้ ๑.๒) ศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย แนวทาง มาตรฐาน และมาตรการด้านพระพุทธศาสนา จัดทำแผนแม่บทการวิจัย และกำหนดวาระการวิจัยของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๑.๓) ออกแบบ พัฒนา กำหนดหลักเกณฑ์ แนวทาง หรือมาตรการบริหารจัดการระบบฐานข้อมูลวิชาการพระพุทธศาสนาระดับชาติ และเครื่องมือดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีข้อมูลเชิงประจักษ์ ที่ถูกต้อง ทันสมัย และสามารถเข้าถึงได้สำหรับใช้ในการกำหนดนโยบายและมาตรการด้านการวิจัยและพัฒนาวิชาการพระพุทธศาสนา ๑.๔) ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยข้อมูลเชิงลึก เพื่อพัฒนาบุคลากรและจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาอย่างเป็นระบบ เพื่อยกระดับศักยภาพของศาสนทายาทและบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้ความสามารถสอดคล้องกับความท้าทายในปัจจุบัน ๑.๕) ศึกษา วิจัย และวิเคราะห์โครงสร้างและกระบวนการทำงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในภาพรวม เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะ หลักเกณฑ์ แนวทาง หรือมาตรการเชิงนโยบายในการปรับปรุงโครงสร้างและพัฒนาระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ทันสมัย และสามารถขับเคลื่อนภารกิจเชิงยุทธศาสตร์ได้อย่างเต็มศักยภาพ ๑.๖) ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และพัฒนามาตรฐานการวิจัยและพัฒนาวิชาการพระพุทธศาสนา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ๑.๗) ศึกษา ค้นคว้า วิจัยสั่งสมความรู้หรือผลการวิจัย และพัฒนาศักยภาพของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง และให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถปฏิบัติงานได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ๑.๘) กำกับติดตาม ประเมินผลการนำนโยบาย มาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านวิจัยและพัฒนาวิชาการพระพุทธศาสนา รวมทั้งรายงานสภาพปัญหาในการดำเนินงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาต่อมหาเถรสมาคม หรือผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๑.๙) เป็นผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในการประชุมด้านวิจัยและพัฒนาวิชาการพระพุทธศาสนากับหน่วยงานภายนอกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน รวมทั้งการเข้าร่วมประชุมด้านวิจัยและพัฒนาวิชาการพระพุทธศาสนา กับคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ ของรัฐสภา ที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๒) ด้านการบริการ ๒.๑) เป็นที่ปรึกษาของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ความเห็นทางวิชาการต่อผู้บริหารระดับสูง เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนการปฏิบัติราชการด้านวิจัยและพัฒนาวิชาการพระพุทธศาสนาของประเทศ ๒.๒) ให้คำปรึกษา แนะนำ วินิจฉัย ให้ความเห็น รวมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการที่เกี่ยวข้องให้แก่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คณะสงฆ์ เอกชน ประชาชนทั่วไป และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานและส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ ๒.๓) อำนวยการฝึกอบรม และให้คำปรึกษาแนะนำในการปฏิบัติงานแก่หน่วยงานราชการ เอกชน หรือประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับด้านวิชาการสนับสนุนวิจัยและพัฒนาวิชาการพระพุทธศาสนา เพื่อให้ผู้สนใจได้ทราบข้อมูล ความรู้ และสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

หลักเกณฑ์การเลือกสรรและเกณฑ์การตัดสิน มีดังนี้ ๑. พิจารณาจากผลงาน (๑๐๐ คะแนน) (๑) ผลสัมฤทธิ์ของงาน (๖๐ คะแนน) พิจารณาจากผลงานที่โดดเด่นด้านวิจัยและพัฒนา ซึ่งสอดคล้องกับตำแหน่งที่จะพิจารณาเลือกสรร โดยแสดงถึงที่มา แนวคิด กลยุทธ์ในการดำเนินงาน ประโยชน์ต่อการพัฒนาความก้าวหน้าในงาน สามารถใช้เป็นแบบอย่าง เป็นแหล่งอ้างอิง หรือเป็นต้นแบบในการปฏิบัติได้ หรือเป็นการประยุกต์เพื่อให้เกิดการพัฒนาหรือแก้ปัญหาในการปฏิบัติงาน หรือเป็นการนำสิ่งที่มีอยู่แล้ว มาประยุกต์ด้วยเทคนิค วิธีการ หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมในการปฏิบัติงาน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องในระดับกระทรวง หรือวงวิชาการ/วิชาชีพที่เป็นประโยชน์กับงานของตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง ผลงานที่นำมาเสนอเพื่อเข้ารับการคัดเลือก อย่างน้อยต้องมีผลงานที่มีการนำไปเผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้ทราบและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ หรืออ้างอิงต่อไปได้มาแล้ว เช่น เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เว็บไซต์ของส่วนราชการ หรือผ่านทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น YouTube หรือเสนอต่อที่ประชุมทางวิชาการในประเทศหรือต่างประเทศ หรือการบรรยาย หรือตีพิมพ์ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น วารสาร วารสารอิเล็กทรอนิกส์ รายงานประจำปี คู่มือการปฏิบัติงาน เป็นต้น (๒) วิสัยทัศน์หรือแนวคิดพัฒนางาน (๔๐ คะแนน) พิจารณาจากข้อเสนอวิสัยทัศน์ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ หรือแนวคิดวิธีการที่จะพัฒนางานวิจัยหรือวิชาการด้านพระพุทธศาสนาได้ในระดับสูงเป็นพิเศษในตำแหน่งที่เข้ารับการพิจารณาเลือกสรร โดยให้นำเสนอในรูปแบบของแนวความคิด วิธีการ หรือแผนงานที่เป็นประโยชน์อย่างดีเยี่ยมต่อทางราชการ หรือประชาชน หรือประเทศชาติ หรือแผนงานที่จะทำในอนาคตซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของหน่วยงาน มีความท้าทายและมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ที่เป็นประโยชน์กับงานของตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง ๒. สอบวัดความเหมาะสมกับตำแหน่งโดยการสัมภาษณ์ (๑๐๐ คะแนน) (๑) ความรู้ ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ (๖๐ คะแนน) พิจารณาจากผลงานหรือผลสำเร็จของงานที่แสดงถึงการมีความรู้ความสามารถ ทักษะสมรรถนะ ประสบการณ์ ความชำนาญงานที่สั่งสมมา ในการปฏิบัติงานที่รับผิดชอบ หรือคิดริเริ่มใหม่ คิดค้น สร้าง หรือประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ปรับปรุงหรือแก้ไขใหม่ หรือจัดทำเป็นครั้งแรกหรือคนแรกของหน่วยงานหรือของประเทศตามความเหมาะสมกับระดับตำแหน่ง หรือได้ใช้ความสามารถในการตัดสินใจแก้ไขปัญหา มีข้อเสนอแนะ หรือวางแผนรองรับผลกระทบต่าง ๆ ได้เหมาะสมกับระดับตำแหน่ง เป็นที่ยอมรับในระดับกระทรวง หรือวงวิชาการ/วิชาชีพในระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ รวมถึงพิจารณาจากความรู้ ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการปฏิบัติงานในตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ ที่เป็นประโยชน์กับงานของตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง (๒) คุณลักษณะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน (๔๐ คะแนน) พิจารณาจากคุณลักษณะบุคคล มีศักยภาพในการเป็นผู้นำ ศักยภาพในการประสานความร่วมมือทั้งในระดับบุคคลและในระดับองค์กรทั้งในและต่างประเทศ การวางกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ยึดประโยชน์ของส่วนราชการเป็นที่ตั้ง ความประพฤติและค่านิยมสร้างสรรค์ที่จำเป็น ได้แก่ การมีพฤติกรรมที่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่และภารกิจของส่วนราชการ เช่น มุ่งประโยชน์ของส่วนรวม มีความซื่อสัตย์ ครองตน ครองคน ครองงาน โดยธรรม กล้าคิด กล้าทำ กล้านำ กล้าเปลี่ยน มีความโปร่งใส เป็นต้น

-

ตามประกาศรับสมัคร